วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

10 เคล็ดลับกระตุ้นสมองให้ปลอดโปร่งโล่งสบายมาฝากกัน...................



     ทางนี้........
                      มีเคล็ดลับกระตุ้นสมองให้ปลอดโปร่งจร้า.........................

                    สุขภาพ ของสมองนั้นมีความสำคัญไม่แพ้สุขภาพทางกายเลย ยิ่งหากจะทำงานให้เปี่ยมประสิทธิภาพด้วยแล้วต้องกระตุ้นสมองให้ปลอดโปร่ง เป็นอันดับแรก และเราก็มี 10 เคล็ดลับกระตุ้นสมองให้ปลอดโปร่งโล่งสบายมาฝากกันดังนี้
 
   1. อย่างดมื้อเช้า สิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มพลังงานให้กับสมองคืออาหาร ซึ่งเราควรรับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ และ ที่สำคัญอย่างมากเลยคืออาหารมื้อ เช้าค่ะ เนื่องจากอาหารเช้าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับคนเราได้ รวมทั้งยังช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย
    2. จิบน้ำบ่อยๆ ทั้งนี้เป็นเพราะสมองของคนเราประกอบด้วยน้ำถึง 85% เราจึงต้องดื่มน้ำให้เพียงพอคือ 8-10 แก้วต่อวัน โดยอาจจะไม่ต้องดื่มทีละแก้วแต่ปรับเปลี่ยนมาเป็นการจิบบ่อยๆ แทนค่ะ นอกจากนี้ยังมีผลการวิจัยล่าสุดจากโรงเรียนแพทย์แวนเดอร์บิลท์ รัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกาว่า คนที่ดื่มน้ำผักผลไม้สดเป็นประจำจะช่วยลดโอกาสที่จะป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ โรคความจำเสื่อม ได้มากถึง 79%
    3. ฝึกหายใจลึกๆ ทั้งนี้เพื่อให้ออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงสมองได้อย่างพอเพียง และการฝึกหายใจลึกๆ เพื่อเอาออกซิเจนเข้าไปในปอดเพิ่มขึ้นก็จะช่วยให้มีออกซิเจนส่งต่อไปยังสมอง ได้มากขึ้น
    4. หาเวลาไปเมาท์กับเพื่อนบ้าง มีการวิจัยพบว่าความเครียดที่เกิดจากความเหงาจะก่อให้เกิดภาวะคอร์ติซอลมาก เกิน ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพของสมองลดลง ดังนั้นนักวิจัยจึงแนะนำให้คนเราคลายเครียดด้วยการหันไปพูดคุยเรื่อง สัพเพเหระกับเพื่อนร่วมงาน หรือไม่ก็อาจจะไปนั่งเมาท์ช่วงมื้อเที่ยงกับเพื่อนบ้างเพื่อช่วยให้บรรเทา ความเครียด นอกจากนี้ระหว่างที่เราพูดคุยอาจมีเรื่องให้หัวเราะและยิ้มได้ ซึ่งการหัวเราะและยิ้มบ่อยๆ นี้จะช่วยให้คนเราคลายเครียดได้
      5. ดาร์กช็อกโกแลตช่วยกระตุ้นสมองได้ล่าสุดมีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยนอตติง แฮมออกมาว่า สารประกอบหลักในดาร์ก ช็อกโกแลตคือ ฟลาโวนอยด์ มีฤทธิ์ในการกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของสมองได้ดีขึ้น ดังนั้นใครที่ชอบกินช็อกโกแลตอยู่แล้วก็กินต่อไปได้อย่างสบายใจเลยค่ะ เพียงแต่ให้เลือกทานดาร์กช็อกโกแลตแทนช็อกโกแลตนม และนอกจากสารฟลาโวนอยด์จะมีอยู่ในดาร์ก ช็อกโกแลตแล้ว ยังพบได้ในชาเขียว บลูเบอร์รี่ และไวน์แดงด้วย     
    6. ฝึกสมาธิ ทั้งนี้คุณๆ อาจทำได้โดยการนั่งสมาธิตอนเช้าหรือก่อนนอนวันละประมาณ 15 นาที เพื่อให้สมองผ่อนคลาย ปลอดโปร่ง ส่วนอีกวิธีหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์แนะนำคือ ให้เดินเท้าเปล่าบนพื้นผิวที่ขรุขระเพื่อเสริมสมาธิ อย่างเช่นเดินบนพื้นกรวด ซึ่งวิธีนี้จะช่วยทำให้ระบบหูชั้นในทำงานดีขึ้น เมื่อระบบดังกล่าวทำงานดีแล้วจะช่วยทำให้สมดุลของร่างกายดีตามไปด้วย
     7. กินมันบดช่วยเสริมความจำ ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมคะว่าเจ้ามันฝรั่งบดจะช่วยเสริมความจำได้ แต่ก็เป็นไปแล้วล่ะค่ะเพราะมีการวิจัยพบว่า ในมันฝรั่งนั้นมีกลูโคสที่จะไปช่วยเสริมการสร้างแอซิติลโคลีน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยกระตุ้นและยับยั้งระบบประสาทของคนเรา ถ้าเมื่อใดที่แอซิติลโคลีนลดลงก็จะทำให้ความจำและสมาธิลดน้อยลงไปด้วย
     8. กินอาหารที่มีประโยชน์และอาหารเสริม การกินอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบหมู่นอกจากจะช่วยรักษาสุขภาพทางร่างกายแล้ว ยังช่วยให้สุขภาพสมองดีตามไปด้วยค่ะ ส่วนการกินไขมันดีอย่างเช่น น้ำมันปลา ปลาแซลมอน ถั่วเหลือง น้ำมันพริมโรส นั้นจะทำให้ร่างกายได้รับไขมันดีไปทดแทนไขมันที่สึกหรอในสมอง
                 นอก จากนี้ยังมีงานวิจัยในวารสารแลนเซตที่รายงานว่า หากคนเรากินกรดโฟลิกให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย คือประมาณวันละ 400 ไมโครกรัม กรดโฟลิกจะช่วยชะลอการเสื่อมถอยของสมองได้ ส่วนธาตุเหล็กจะมีผลต่อความสามารถในการเรียนรู้และจดจำ ดังนั้นผู้ที่ร่างกายขาดสารอาหารเหล่านี้ การกินอาหารเสริมสามารถช่วยได้
     9. รู้จักปล่อยวางและให้อภัย การปล่อยวางกับเรื่องราวบางอย่าง และการให้อภัยนั้นจะช่วยให้สมองของเราลดภาระในการจดจำค่ะ เพราะระหว่างที่เราเฝ้าครุ่นคิดกับเรื่องบางเรื่องก็จะก่อให้เกิดความเครียด ขึ้นได้ ในขณะที่เมื่อเราโกรธตัวเองหรือโกรธคนอื่น สมองก็จะต้องทำงานอย่างหนัก ดังนั้นเรามาฝึกปล่อยวางและให้อภัยกันทุกวันดีกว่า
     10. ท่องบทกลอนหรือบทสวดมนต์เป็นประจำ ทั้งนี้เป็นเพราะมีการวิจัยพบว่า หากคนเราได้อ่านข้อความและท่องซ้ำๆ จะเป็นการช่วยกระตุ้นการจดจำได้ สิ่งที่เราควรทำคือท่องกลอนหรือท่องบทสวดมนต์สัปดาห์ละบท พอผ่านไป 1 สัปดาห์ก็ลองกลับมาทบทวนดูว่า ที่ท่องไปนั้นจดจำได้มากน้อยแค่ไหน
        เคล็ด ลับดีๆ ที่นำมาฝากกันนี้ คิดว่าคงจะช่วยให้คุณผู้อ่านสามารถนำไปใช้ดูแลสมองให้แข็งแรง ปลอดโปร่ง และเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพในการที่จะคิดสร้างสรรค์งานของคุณให้มีความโดดเด่นยิ่งๆ ขึ้นไป น่ะค่ะ


ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยคอมเมอร์ 
โดย  http://blog.eduzones.com/studyabroad/95422

10 เทคนิคบริหารสมองเพิ่มความจำ



                 ขึ้ ชื่อว่า อวัยวะ มันก็ต้องมีการบริหารออก กำลังกายบ้างซิน่า...........ฮ้าาาาาาาา   สมองก็เป็นอวัยวะหนึ่ง  อิอิ
ค่ะ  ......... และวันนี้ เราก็จะได้เรียนรู้กำการออกกำลังกายสมอง  หึ    หึ             ..............ไปกัย  !


                   " " เป็นอวัยวะสำคัญที่ต้องดูแล ต้องบำรุงเช่นเดียวกับอวัยวะส่วนอื่น ๆ วิธีบำรุงสมองนอกจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์แล้ว สมองควรได้รับการพัฒนาและฝึกฝนอยู่เสมอด้วยเช่นเดียวกัน จะขอแนะนำ  ทริคง่าย ๆ ให้ลองนำไปฟิตสมองกันดูค่ะ
1.       ฝึกให้มือข้างที่ ไม่ถนัด โดยอาจเริ่มจากการทำกิจวัตรประจำวันของตนเอง เช่น การแปรงฟันจากมือขวาก็  เปลี่ยนมาใช้มือซ้าย จากนั้นก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นกิจกรรมที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น กินข้าว เป็นต้น วิธีนี้จะช่วยให้เซลล์สมองได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น 
2.       ฝึกโฟกัสสายตา ให้นั่งจ้องไปข้างหน้าแบบธรรมดาทั่วไปกวาดสายตามองไปรอบ ๆ มุ่งความสนใจไปในสิ่งที่เห็น หรือจะจดบันทึกก็ได้ เป็นการฝึกเรื่องความจำ และช่วยให้การโฟกัสสายตาดีขึ้น
3.      เล่นขว้างลูกบอล โดยขว้างและรับลูกบอลใบใหญ่จาก 1 เป็น 2 ลูก จะช่วยในเรื่องการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย การมองเห็นและระบบประสาทได้ดีขึ้น
4.       หัดเรียนรู้สิ่ง ใหม่ เช่น เครื่องเล่น การฟัง การแปลความโน้ตดนตรี การเคลื่อนไหวอย่างมีสติ จะช่วยให้การทำงานของสมองในหลาย ๆ ด้านสัมพันธ์กัน
5.       เที่ยวพิพิธภัณฑ์ วิธีนี้จะฝึกความจำของสมองในระดับต่าง ๆ ทั้งความคิด การมอง การจดจำ ซึ่งจะช่วยพัฒนาระบบประสาท และป้องกันการเสื่อมของเซลล์สมอง (เอาหล่ะ แพคกระเป๋ากันเถอะ)
6.     จดจำเนื้อเพลง การฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ จดจำเนื้อเพลง แล้วร้องตามจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเข้าใจ ความคิด และ การจดจำได้ดีขึ้น
7.      ฝึกทำกิจกรรมเงียบ ๆ คนเดียว และเล่นเกมที่มีประโยชน์ เช่น เกมส์ปริศนาอักษรไขว้ ถักนิตติ้ง เป็นต้น การฝึกในลักษณะนี้จะช่วยพัฒนากระบวนการเรียนรู้ให้กับสมอง
8.       ลดเสียงโทรทัศน์ เพราะการฟังอย่างตั้งใจ จะช่วยฝึกสมองในเรื่องการจับใจความ ในสิ่งที่ได้ยินอย่างรวดเร็วได้ดีขึ้น
9.      การเข้าสังคมจะช่วยลับสมองให้เฉียบคม
10.   นั่งสมาธิหรือเล่นโยคะเพื่อให้จิตใจสงบ เข้านอนแต่หัวค่ำ
         ท้ายที่สุดแล้วสมองเราจะฟิตแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับการใช้งานของเรา คุณรู้หรือไม่ว่าทุกครั้งที่คุณทำอะไรใหม่ หรือแปลกไปจากที่เคย คุณได้สร้างทางเดินของเส้นประสาทใหม่ในสมอง ลองวิธีการง่าย ๆ ทั้ง 10 เทคนิคบริหารสมองเพิ่มความจำ นี้เพื่อให้สมองได้ออกกำลังกายบ้างนะคะ



ข้อมูล teen.mthai.com อ้างอิง cyber.thailife.com

วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

8 วิธีอ่านหนังสือสอบได้อย่างเซียน……..






 


“เอามาฝากจร้า.............”
“อีกแล้วหรอ(เสียงเพื่อนบ่น)”
“ อิอิ  :D
     ค่ะวันนี้ก็เอามาฝากเหมือนเดิม  การวิธีการอ่านที่ทำให้การอ่านของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ ถ้าทำได้ก็เยี่ยมไปแลย ค่อยเป็นค่อยไปน่ะค่ะ เพราะคุณไม่ใช่คนเดียว ที่เพิ่งเริ่มต้น  อิอิ

เพื่อจะได้อ่านหนังสือสอบให้ทัน วันนี้เราจึงรวบรวมเทคนิคการอ่านให้ได้ประสิทธิภาพ ที่คิดว่าพอจะแก้ปัญหาเกี่ยวกับการอ่านมานำเสนอ ดังนี้
         หัดให้ตัวเองมีวินัยให้ได้
             คือ ถ้าเราวางแผนว่าจะอ่านหนังสือให้ได้เท่านี้สำหรับวันนี้ เราก็ต้องทำให้ได้ วิธีฝึกเริ่มแรกให้กำหนดง่ายๆ ก่อนว่า วันนี้เราจะอ่านตำราแค่ 1 บท หรือ 10 หน้า เป็นต้น เอาแค่นี้ให้ได้ ถ้าอ่านจบเร็วก็ไปทำอย่างอื่น พอวันต่อๆ ไปก็ค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้นตามสมควร แล้วก็ต้องอ่านให้ได้ตามเป้าหมาย เมื่อเราอ่านได้ตามเป้าแล้วในแต่ละครั้งก็อย่าลืมให้รางวัลตัวเองด้วยทุก ครั้ง โดยรางวัลก็อาจจะเป็นอะไรง่ายๆ เช่น ได้ดูละครหนึ่งเรื่องตอนกลางคืน เป็นต้น
          วางแผนการอ่านหนังสือ
              เมื่อเรามีวินัยและเคารพการวางแผนของตัวเองแล้ว ต่อไปก็ต้อง วางแผนการอ่านหนังสือ การวางแผนที่ดีนั้นสำคัญมาก เพราะทำให้เราเดินไปถูกทิศทาง การวางแผนไม่ถือเป็นการเสียเวลา แต่เป็นการประหยัดเวลาในระยะยาว เพราะไม่ต้องไปเสียเวลาเดินผิดทาง
      อย่าตะบี้ตะบันอ่านเกินควร
           อย่าคิดว่าตัวเองเป็น superman คือ สามารถอ่านหนังสือได้เยอะเกินกำลังภายในเวลาอันสั้น อย่าวางตารางการอ่านให้แน่นเกินไป เพราะนอกจากจะทำไม่ได้ตามแผนอยู่แล้ว ยังทำให้ตัวเองเครียดเพราะแผนนั้นโดยไม่จำเป็นด้วย แรกๆ อาจจะกะความสามารถตัวเองยากหน่อย หรือการอ่านตำราภาษาอังกฤษกับภาษาไทยก็ใช้ระยะเวลาการอ่านไม่เท่ากัน ก็ใช้เก็บสถิติจากการอ่านในรอบแรกๆ เช่น การอ่านภาษาอังกฤษ 1 หน้า เราใช้เวลา 10 นาที เราก็จะประมาณถูกว่าต้องใช้เวลาเท่าไรจึงจะอ่านจบบทหรือจบวิชา เป็นต้น
         หาที่อ่านที่สงบเงียบและนั่งสบาย ส่วนบรรยากาศก็แล้วแต่คนชอบ
            บางคนชอบอ่านที่บ้าน ในห้องสมุด ในสวนมีต้นไม้เขียวๆ หรือในร้านกาแฟ หรือบางทีเราก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ควรไม่อยู่ใกล้ทีวี หรือสิ่งต่างๆ ที่ทำให้เราเสียสมาธิ เพราะทำให้เราเสียเวลาในการอ่าน และทำให้จำได้ไม่ดีด้วย แต่ก็ทราบมาว่าบางคนจะชอบให้มีเสียงเพลงหรือเสียงอื่นๆ เวลาอ่านหนังสือด้วย อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบ 
    อย่าให้สิ่งใดมารบกวนการอ่าน
             เวลาอ่านหนังสือ เราควรกำหนดว่า เวลานี้เราจะตั้งใจ และไม่ปล่อยให้อะไรมาขัดโดยไม่จำเป็น เช่น อาจจะปิดเสียงโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น คนอื่นก็จะไม่มารบกวนโดยไม่จำเป็น การได้ทำงานหรืออ่านหนังสือเป็นช่วงเวลาติดต่อกันอย่างนี้มีประสิทธิภาพกว่า การอ่านที่ถูกหยุดด้วยสิ่งต่างๆ
 พักผ่อนสมองบ้าง
            เมื่ออ่านหนังสือไปนานๆ เราก็จะเริ่มล้า ทั้งสมองที่ต้องคิด ทั้งร่างกายที่ไม่ได้ขยับ ทั้งสายตาที่ต้องจ้องอยู่นาน เราก็ควรกำหนดเวลาพัก อันนี้ก็แล้วแต่คนชอบ อาจจะพักอ่านหนังสือทุกๆ ชั่วโมงหรือ 2 ชั่วโมง โดยออกไปเดินยืดเส้นยืดสาย ดื่มน้ำ ทานขนม หรือไปมองต้นไม้เขียวๆ เวลาพักก็ต้องกำหนดด้วยว่า 5 นาที หรือ 15 นาที เป็นต้น 
  ชอบขีดเส้นหรือเน้นข้อความที่สำคัญในหนังสือโดยไม่หวงหนังสือ
             ว่าจะดูเลอะเทอะเลย เพราะชอบเวลากลับมาอ่านทวน เราก็จะรู้ว่าจุดไหนเป็นข้อมูลสำคัญ เรายังสามารถใช้ทบทวนก่อนสอบได้ด้วย สำหรับคนที่ชอบหนังสือใหม่ๆ เกลี้ยงๆ ก็อาจจะต้องหาสมุดกับปากกามาจดสิ่งที่สำคัญจากหนังสือนั้นๆ เพื่อการอ่านทบทวนได้
พยายามจัดเวลาอ่านหนังสือ
             ในช่วงเวลาที่เราตื่นตัวที่สุด อันนี้แตกต่างกันไป บางคนจะจำได้ดีถ้าอ่านตอนเช้า บางคนเป็นตอนเย็น ก็ต้องสังเกตตัวเองดู ถ้าทราบแล้วอาจจะกำหนดเป็นเวลาประจำทุกวัน เช่น ทุกวันเวลา 2 ทุ่ม - 5 ทุ่ม เราต้องอ่านตำราทบทวนที่เรียนมา เป็นต้น



ที่มา : http://kulc.lib.ku.ac.th/uread/index.php/component/content/article/144-tip/156-8-